การดูแลแผลเป็น

5 วิธีบอกลา “รอยแผล” จากการผ่าตัด ที่ไม่อยาก “เป็น”

            เรื่องหนักใจของคนที่เข้ารับการผ่าตัดทุกเพศ ทุกวัย ไม่ว่าจะผ่าตัดศัลยกรรม ผ่าตัดคลอด ผ่าตัดเพื่อรักษาโรคหรือจากอุบัติเหตุ ก็คงหนีไม่พ้นความกังวลเรื่อง
รอยแผลเป็นหลังการผ่าตัดแน่นอน ซึ่งเทคนิคในการป้องกันการเกิดแผลเป็นก็คือ การรักษาความสะอาดบริเวณแผล เพื่อลดโอกาสแผลติดเชื้อ หลีกเลี่ยงอาหารประเภท
สุกๆ ดิบๆ หรืออาหารหมักดอง เพราะอาจทำให้แผลติดเชื้อ ส่งผลให้แผลเน่า หรือแห้งช้ากว่าปกติ การนวดแผล จะช่วยให้แผลเป็นลดการขยายตัว และนูนเกิน รวมถึง
งดสูบบุหรี่ งดดื่มแอลกอฮอล์ เพราะสารพิษในบุหรี่จะทำลายเซลล์ที่เข้าไปซ่อมแซมบริเวณแผลผ่าตัด รวมถึงยังทำให้เลือดมาเลี้ยงแผลน้อยลง อาจส่งผลให้ผิวหนัง
ขาดเลือด และเสี่ยงติดเชื้อที่แผล นอกจากการดูแลตัวเองเบื้องต้น ในบทความนี้ก็ยังมีวิธีการดูแล หรือรักษาเมื่อพบว่ามีแผลเป็นเกิดขึ้นแล้วมาฝากกันอีกด้วย

1

การใช้แผ่นซิลิโคนเจล (Silicone gel sheet)

แผ่นซิลิโคนเจล เป็นแผ่นซิลิโคนใสๆ ที่มีลักษณะโครงสร้างเชื่อมต่อกัน
หลายแผ่นทำให้มีความยืดหยุ่นตามการเคลื่อนไหวของผิวหนัง สามารถ
เริ่มใช้เพื่อกดทับหรือปิดแผลเมื่อแผลปิดสนิทแล้ว หรือหลังตัดไหม
ซึ่งจะช่วยรักษาการสูญเสียน้ำออกจากบริเวณรอยแผล ทำให้ผิวหนัง
ที่อยู่ใต้แผ่นซิลิโคนมีความชุ่มชื้น ลดอาการอักเสบได้ ลดการทำงานของ
เส้นเลือดฝอย และลดการสร้างคอลลาเจนของเซลล์ไฟโบรบลาสต์
ซึ่งเป็นที่มาของการเกิดรอยแผลเป็นแบบนูนเกิน หรือที่เรียกว่า
แผลคีลอยด์นั่นเอง

2

การฉีดยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Intralesional corticosteroid)

การฉีดยาสเตียรอยด์ มักใช้สำหรับแผลเป็นแบบนูนเกิน หรือคีลอยด์ โดยการรักษาควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ แพทย์จะฉีดยาสเตียรอยด์นี้เข้าไปในแผลโดยตรง ตัวยาสามารถช่วยลดการอักเสบของการเกิดแผลคีลอยด์ได้
ซึ่งหลังฉีดจะช่วยให้แผลเป็นนั้นนุ่ม ยุบ และแบนราบลงได้

3

การเลเซอร์แผลเป็น (Laser therapy)

การรักษาแผลเป็นด้วยการเลเซอร์ เป็นการใช้พลังงานของแสงเลเซอร์
ส่งผ่านชั้นผิวเพื่อเข้าไปทำลายเนื้อเยื่อบริเวณผิวที่นูนขึ้นมาให้เรียบขึ้น
แต่การใช้เลเซอร์รักษาแผลเป็นได้ผลปานกลาง โดยแพทย์อาจทำการ
รักษาแผลเป็นด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย

4

การผ่าตัดแผลเป็น

การผ่าตัดแผลเป็นจะช่วยจัดตำแหน่งร่องรอยแผลเป็นให้ดูดีขึ้น เช่น ถ้าเป็นกรณีแผลเป็นแบบนูนเกิน หรือคีลอยด์ อาจจะวิธีผ่าตัดเอาแผลเก่าออกแล้วเย็บแผลใหม่อีกครั้ง หรืออาจจะเป็นการผ่าตัดลดขนาดของแผลเป็น ก็คือจะไม่ตัดแผลเก่าออกทั้งหมด ผ่าตัดเพียงบางส่วน หลังจากนั้นหากแผลเป็นมีขนาด
เล็กลง แพทย์อาจจะนัดเพื่อตัดเพิ่มอีกทีละนิดๆ ซึ่งเรียกว่า การตัดแบบทีละน้อย (Serial excision) เป็นต้น ทั้งนี้การผ่าตัดแผลเป็นมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับรูปแบบของแผลเป็น

5

การใช้ผลิตภัณฑ์ซิลิโคนเจลลดรอยแผลเป็น

การดูแลแผลเป็นด้วยผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็น เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ง่าย สะดวก
ทั้งในแง่ของวิธีการใช้ การพกพาและการหาซื้อมาใช้ ดังนั้นการใส่ใจเลือก
ใช้ผลิตภัณฑ์ลดรอยแผลเป็นให้เหมาะสมกับแต่ละจุดประสงค์ในการใช้
และประเภทที่มาของแผลเป็นจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยให้แผลเป็นดีขึ้น

TRIPLE Composition
จาก rebac

Rebac (รีแบค) เป็นผลิตภัณฑ์ซิลิโคนเจลลดรอยแผลเป็น ซึ่งมี 3 ส่วนประกอบสำคัญ หรือที่เรียกว่า TRIPLE Composition (ทริปเปิล คอมโพซิชั่น) ดังนี้

  1. Rebac ผลิตด้วยซิลิโคนเกรดที่ใช้ทางการแพทย์ ซึ่งโดยปกติทางการแพทย์
    จะแนะนำให้ใช้ซิลิโคนเจลเป็นลำดับแรกในการมีส่วนช่วยป้องกันหรือดูแลแผลเป็นจากการผ่าตัดหลังจากที่แผลแห้งปิดสนิทดีแล้ว เช่น แผลศัลยกรรมความงาม, แผลผ่าคลอด หรือแผลศัลยกรรมจากอุบัติเหตุ เป็นต้น
  2. FILM-FORMER  เนื่องจากมีส่วนผสมของ Baycusan ซึ่งเป็นสารก่อฟิล์ม
    จึงทำให้เนื้อเจลของ Rebac มีลักษณะเป็น FILM-FORMER เมื่อทาลงบนผิว
    จะก่อตัวเป็นแผ่นฟิล์มเคลือบคลุมรอยแผลได้บริเวณกว้าง ปกป้องแผลจากน้ำ
    และฝุ่นละออง ไม่ว่าจะเป็นแผลจากศัลยกรรมความงาม หรือแผลเล็กๆ จากอุบัติเหตุ แผลถูกบาดต่างๆ Rebac ก็สามารถทาเคลือบคลุมทั่วบริเวณได้
    ทุกรอยแผล
  3. มีส่วนผสมจากสารสกัดธรรมชาติ 2 ตัวด้วยกัน คือ Allium cepa  สารสกัด
    จากหัวหอม และ Centella asiatica  สารสกัดจากใบบัวบก

    Rebac สามารถเริ่มใช้ได้หลังจากแผลปิดสนิทใหม่ๆ หรือหลังการตัดไหม โดยใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่แผลแห้งสนิท
ซึ่งแนะนำให้ทาเป็นประจำวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น ต่อเนื่องกันอย่างน้อย 2-4 สัปดาห์ ถ้าสังเกตว่ารอยแผลลดเลือน
หรือจางลงก็สามารถใช้ต่อเนื่องนานขึ้นเท่าที่ต้องการได้

รอยแผลแมวข่วน อาจไม่ใช่แค่รอยแผลรีบดูแลรักษาให้ถูกวิธีก่อนบานปลาย

รอยแผลแมวข่วน เป็นรอยแผลที่ทาสแมวทุกคนต้องมีอย่างแน่นอน รอยแผลแมวข่วนยิ่งลึกยิ่งทิ้งรอยดำไว้ให้ทิ่มแทงใจ

อ่านต่อ »